ก็แค่อยากจะเขียน

เรื่องราวธรรมดาๆ กับคนธรรมดาๆ

เดิน

          ผมเป็นคนชอบเดิน…         

          ไม่ได้เป็นหนุ่มรักสุขภาพมาจากไหนหรอกครับ แค่มีความสุขเวลาได้เดินเฉยๆ ถ้าไม่มีความจำเป็นหรือว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรง มอ’ไซค์รับจ้างไม่ได้กินเงินผมหรอกครับ (รวมถึงรถแท็กซี่ด้วย)

          ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย 4 ปี นับครั้งได้ที่ผมจะขึ้นรถโดยสารภายในของจุฬาฯ ที่นิสิตทุกชนชั้นต่างก็ขนานนามให้มันอย่างน่ารักน่าเอ็นดูว่า “รถป๊อบ” -ไม่รู้ว่า ป๊อบปูลาร์ หรือ ป๊อบคอร์นกันแน่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ รู้สึกว่าตอนนี้มันก็เปลี่ยนชื่อเล่นไปแล้วด้วย ไม่รู้ว่าหมอดูที่ไหนทักมารึเปล่า เอาเป็นว่า ถ้าเปรียบมันเป็นคนๆนึง ก็อาจจะเป็นเพียงคนรู้จัก เคยเห็นหน้าค่าตา แต่ก็มิได้นำพาให้มาสนิทชิดเชื้อกันแต่อย่างใด ก็เรามันไปด้วยกันไม่ได้นิ บางที..ผมคิดว่าผมเดินเท้าเร็วกว่าขึ้นรถอีก
_______________

          การเดินมีประโยชน์อย่างไร…

          แน่นอน อันดับหนึ่งเรื่องสุขภาพต้องมาก่อน การเดินถือเป็นหนึ่งในกระบวนการออกกำลังกายที่ค่อนข้างเยี่ยม (ในความคิดของผมนะ) ประหยัด ไม่ต้องลงทุนเพียงแต่ลงแรงนิดหน่อย-อาจจะไม่นิดหน่อยแปรผันตามระยะทาง ง่ายๆ ทำที่ไหนก็ได้ ขอเพียงมีสองขาและหนึ่งความตั้งใจ ถ้าไม่มีที่ก็แนะนำให้เดินไปเดินมาในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆของคุณดู ก็เรียกเหงื่อได้เหมือนกัน (ยกเว้นถ้าคุณเปิดเครื่องปรับอากาศ) นอกจากนี้ จากการศึกษาวิจัยและติดตามผลของคณะแพทย์ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาพบว่า การเดินช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้ป่วยได้ถึง 7 โรค ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ โรคหัวใจและหลอดเลือด อัมพาต และมะเร็งอีกด้วย เยี่ยมจริงๆ

          ดีต่อสุขภาพอย่างเดียวรึ…

          ไม่หรอกครับ นอกจากจะดีต่อสุขภาพกายแล้ว สุขภาพใจก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยนะครับ เวลาที่เราเดิน เราจะได้เห็นสองฝากทางไปด้วย เห็นสภาพผู้คน สภาพบ้านเรือน วิถีชีวิตประจำวัน มองต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง เห็นอะไรต่อมิอะไร ซึ่งก็เพลิดเพลินเจริญใจมิใช่น้อย ถ้าคุณไม่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว-แบบภาษาชาวบ้านที่เขาเรียกว่า “เดินตามควาย” ควายมันไม่ได้ไปไหนหรอกครับ มันก็หลบซ่อนอยู่ในตัวของคุณนั่นแหล่ะ ยิ่งเดินหา มันยิ่งออกห่างนะครับ (อ่ะ..ล้อเล่งง)
_______________

          ความสุขของผมคือการได้สัมผัสชีวิตผู้คนระหว่างการเดิน

          ลองสังเกตดูให้ดี บางทีคนที่เดินผ่านไปผ่านมา อาจจะเป็นคนที่คุณเคยพบเคยเห็นมาเมื่อวันก่อน เมื่อวานซืน หรือว่าเมื่อซักสองสามอาทิตย์ก่อนก็ได้ คุณอาจจะแปลกใจว่าทำไมวันนี้เขากลับเร็ว กลับบ้านช้า ไปทำอะไรมา ทำไมวันนี้แต่งตัวแปลกๆ ฯลฯ เราอาจจะไม่รู้จักกัน แต่เจอกันบ่อยเข้า อาจเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคยแบบไม่ได้ตั้งใจ บางคนรีบเร่ง บางคนเรื่อยเฉื่อย บ้างคนมากับคู่ บางคนเดินโดดเดี่ยวไร้คู่-เช่นตัวผม เดินไปอย่าสักแต่ว่าเดิน ใช้ใจมองด้วย ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนะครับ นอกจากนี้ เมื่อสัญจรผ่านทางที่คุ้นเคย เคยหยุดนึกแล้วสังเกตกันบ้างไหมว่า ร้านรวงที่เราเดินผ่านไปผ่านมาทุกวัน ทำไมวันนี้ร้านนี้ถึงปิด เกิดอะไรขึ้น วันหยุดก็ไม่ใช่ รึไม่ก็ลองสังเกตแผงขายของว่า ทำไมวันนี้เขาถึงไม่มาขายนะ เขาเปลี่ยนไปขายตรงไหนรึเปล่า หรือว่าทำเลตรงนี้ไม่ค่อยดี แล้วเขาจะกลับมาขายอีกไหม บางร้านก็ตกแต่งซะหรู บางร้านก็..เรียกว่าเป็นร้านค้าก็หรูแล้ว ร้านนี้คนแน่น ถ้าเป็นร้านอาหาร ท่าทางจะอร่อย วันหลังต้องแวะมาชิม ถ้าว่างจนต้องนั่งตบยุงเป็นงานอดิเรก ก็เริ่มพาลสงสัยในความอร่อย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะขาดทุนไหมเนี่ย ร้านโชว์ห่วยบางร้านก็ฝุ่นจับซะ..ราวกับว่าไม่มีลูกค้าเข้าร้านเป็นปีๆ หรือว่าบางทีเจ๊เจ้าของร้านไม่คิดจะทำความสะอาดร้านเลยหรือไง ฯลฯ ก็ว่ากันไปครับ ยิ่งเดินทุกวัน เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาก็ร้อยแปด แล้วแต่ว่าใครจะมีมุมมองแบบไหน ลองหยุดวิ่ง แล้วหันมาค่อยๆเดินทีละก้าวนะครับ สังเกตเรื่องราวรอบตัวระหว่างเดิน แล้วคุณจะรู้ว่า เรื่องราวบนโลกใบนี้ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะ 

          อย่างน้อยการเดินก็ไม่ทำให้โลกร้อนนะครับ

beatles_-_abbey_road.jpg

มีนาคม 26, 2008 - Posted by | Uncategorized

3 ความเห็น »

  1. มันจะดีมากถ้าเราได้เดินกุมมือกับใครสักคนไปตลอดทาง…
    เช่นนั้น เราจะไม่เบื่อการเดินเลยทีเดียว…ฮิๆๆ

    ความเห็น โดย DaMeDi | มีนาคม 28, 2008 | ตอบกลับ

  2. เดินละเลียดชีวิต..
    ผมก็ชอบเดิน

    ความเห็น โดย sakont in pai | มีนาคม 29, 2008 | ตอบกลับ

  3. บุ๊คชอบเดินนะ…เพราะได้ดูวิว
    ยิ่งถ้ามีกล้องติดตัวไปด้วย
    เวลาเดินก็ยิ่งสนุก….
    แต่นี่มันเดินคนเดียว…สนุกไปอีกแบบ…

    จริงๆแล้วอยากเดินสองคนน่ะ

    ความเห็น โดย Book | มีนาคม 31, 2008 | ตอบกลับ


ส่งความเห็นที่ sakont in pai ยกเลิกการตอบ